Admin Oct 02 2020
หนังเรื่องนี้แม้จะนำความเป็น 'Holmes' มาขายเป็นจุดเด่น แต่บอกได้เลยว่าเป็นแค่ตัวหลอก ความเป็นนักสืบสอบสวนหาหลักฐานนั้นมีโชว์อยู่นิดเดียว แต่ก็เน้นๆทุกดอกดูแล้วก็มีความเป็นโคนันอยู่บ้าง
แต่ประเด็นสำคัญของหนังเหมือนจะมุ่งเน้นความ 'อยากเปลี่ยนแปลง' ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่ถูกกีดขวางกักกันด้วยเหล่า 'อำนาจบารมีเก่า' ซะมากกว่า ดูๆไปแล้วรู้สึกเอ๊ะ... ทำไมมันเหมือนเหตุการณ์ปัจจุบันในบางประเทศจัง (ไม่หารนะ!)
เนื้อเรื่องนั้นแม้จะไม่ได้มีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือน 'Sherlock Holmes' เรื่องก่อนๆ แต่การตัดฉากสลับภาพที่รวดเร็วเวลาหาเบาะแสก็ยังคงซ่อนกลิ่นไว้อยู่ไม่น้อย และความตลกโปกฮาพอยิ้มได้มุมปากก็ทำให้หนังไม่น่าเบื่อจนเกินไป
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือการเล่าเรื่องผ่านตัวละครหลักอย่าง Enola Holmes ซึ่งเธอนั้นจะเป็นคนดำเนินเรื่องพร้อมบรรยาเล่าสู่กันฟังตลอดทั้งเรื่อง แถมยังมีการ Break the Fourth Wall อยู่เรื่อยๆ เรียกได้ว่ามีการพูดคุยปรึกษาแสดงสีหน้ากับคนดูอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปจนน่ารำคาญ
ตัวหนังนั้นก็เรียกได้ว่าดูได้แบบเพลินๆไม่น่าเบื่ออะไร แต่ในใจก็แอบคิดว่าเนื้อเรื่องมันง่ายเกินไปหน่อย และก็มีหลายๆอย่างที่ไม่ค่อยจะสมจริง แต่ก็คงเพราะหนังนั้นทำมาในเรต PG-13 เพื่อที่จะเข้าได้ถึงคนทุกเพศทุกวัย คือสามารถนั่งดูพร้อมหน้ากันได้ตั้งแต่รุ่นปู่ยันรุ่นเหลน
อีกอย่างที่ขัดใจก็คือการยัดเยียดเฟมินิสต์ที่มากเกินเบอร์ไปหน่อย เข้าใจแหละว่าหนังอยากสื่อถึงเรื่องนี้ แต่บางทีการรับอะไรมากๆเกินไปมันก็เลี่ยนจนกลายเป็นกลืนไม่ลง คือตัวละครหลักที่เป็นผู้ชายในเรื่องนี้เหมือนเป็นแค่ตัวประกอบไว้ให้ตัวละครหลักที่เป็นผู้หญิงดำเนินเรื่องต่อ
ถ้าจะหาเรื่องชมก็คงเป็นการถ่ายทำปรับแสงสีที่สวยงาม ฉากบางฉากเห็นแล้วอยากกระโดดเข้าจอไปนั่งเล่นกินลมอยู่ในนั้นเลย แถมนางเอกก็สวยสุดๆ ถ้าใครเป็นแฟน Stranger Things บอกเลยว่าจะพลาดการแสดงของน้องมิลลี่ในเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าจะบอกว่าน้องแบกหนังทั้งเรื่องไว้บนบ่าด้วยตัวคนเดียวก็คงจะไม่ผิดจากความจริงมากนัก
สรุปแล้วสำหรับ Enola Holmes รวมๆแล้วก็ไม่ได้ดีเลิศเลอแต่ก็ไม่ได้แย่ถึงกับต้องด่าอะไร เอาคะแนนกลางๆไปสัก 6/10 ละกัน
